ช็อก!! นศ.ชาวจีน ดับอายุแค่ 19 ปี ตับวายเฉียบพลัน หลังกิน “ยาแก้หวัด” แพทย์เผยสาเหตุ

นักศึกษาหนุ่มวัย 19 ปี เสียชีวิตจากภาวะตับวายเฉียบพลัน หลังรับประทานยาลดไข้เอง

สื่อสุขภาพ Healthy China รายงานกรณีเตือนภัยเกี่ยวกับการใช้ยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ โดยนางหลิว เล่ย์หง (Liu Leihong) หัวหน้าภาคเภสัชกรรม โรงพยาบาลมิตรภาพจีน-ญี่ปุ่น กรุงปักกิ่ง เปิดเผยในรายการสุขภาพถึงเคสนักศึกษาหนุ่มวัย 19 ปี ที่เสียชีวิตจากภาวะตับวายเฉียบพลัน เพียงไม่กี่วันหลังจากรับประทานยาลดไข้และยาแก้หวัดที่ซื้อเองจากร้านขายยา โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร

นักศึกษารายดังกล่าวมีอาการไข้และหวัด จึงเดินเข้าร้านขายยาเพื่อซื้อยารับประทานเอง เขารับประทานยาสองชนิด ซึ่งทั้งคู่มีส่วนผสมของพาราเซตามอล (Paracetamol) หรืออะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) ซึ่งเป็นตัวยาสำคัญในยาลดไข้และยาแก้ปวดหลายชนิด หากรับประทานเกินขนาดอาจส่งผลร้ายแรงต่อตับ โดย ปริมาณสูงสุดของพาราเซตามอลที่ปลอดภัยต่อวันไม่ควรเกิน 2 กรัม แต่ในกรณีนี้ ชายหนุ่มเผลอรับประทานเกินขนาดโดยไม่รู้ตัว จนเกิดภาวะตับวายเฉียบพลัน และเสียชีวิตในที่สุด

ภาวะตับวายเฉียบพลันคืออะไร? ตับวายเฉียบพลัน (Acute Liver Failure) คือภาวะที่ตับสูญเสียความสามารถในการทำงานอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ โดยเกิดขึ้นแม้ในผู้ที่ไม่มีประวัติโรคตับมาก่อน นับเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่อันตรายและอาจถึงแก่ชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที

เตือน สาเหตุหลัก 5 ประการของภาวะ “ตับวายเฉียบพลัน” ในชีวิตประจำวัน

  1. ความผิดปกติของระบบเมตาบอลิซึม เช่น โรค Reye, โรค Wilson หรือภาวะไขมันพอกตับขณะตั้งครรภ์
  2. ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป เป็นระยะเวลานานจนเกิดการอักเสบหรือเนื้อตับถูกทำลาย
  3. ใช้ยาเกินขนาด โดยเฉพาะยาแก้ปวด ยาลดไข้ที่มีพาราเซตามอล
  4. ไวรัสตับอักเสบ โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบบี หากไม่ควบคุมอาการให้ดี
  5. ใช้สมุนไพรหรือยาพื้นบ้านโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ซึ่งอาจมีสารพิษต่อตับโดยไม่รู้ตัว
อาการเตือนของภาวะตับวายเฉียบพลัน ได้แก่ ตัวเหลือง ตาเหลือง เนื่องจากตับไม่สามารถกำจัดสารบิริรูบินออกจากร่างกายได้ตามปกติ รวมถึงอาการทางสมอง เช่น สับสน ง่วงซึม พูดไม่รู้เรื่อง หรือหมดสติ จากการสะสมของสารพิษในเลือด เช่น แอมโมเนีย ผู้ป่วยยังอาจมีเลือดออกง่ายหรือมีรอยช้ำตามร่างกาย เพราะตับไม่สามารถสร้างสารที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว นอกจากนี้ยังอาจมีอาการปวดท้องบริเวณตับ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร รวมถึงบวมที่ขา ท้องโตผิดปกติจากการคั่งของของเหลว น้ำตาลในเลือดต่ำ และรู้สึกอ่อนเพลียอย่างรุนแรง ซึ่งล้วนเป็นสัญญาณอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญคือ หากพบอาการเหล่านี้ โดยเฉพาะตัวเหลืองร่วมกับสับสนหรือหมดสติ ควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที เพราะภาวะตับวายเฉียบพลันสามารถลุกลามและเสียชีวิตได้ในเวลาไม่กี่วัน และในบางกรณีอาจต้องทำการปลูกถ่ายตับเพื่อรักษาชีวิต พร้อมทั้งย้ำเตือนข้อแนะนำสำคัญคือ หลีกเลี่ยงการใช้ยาหลายชนิดร่วมกันโดยไม่ปรึกษาแพทย์ และไม่ควรซื้อยารับประทานเองเมื่อมีไข้หรืออาการหวัด แม้จะดูเหมือนเป็นอาการเล็กน้อยก็ตาม เพราะการใช้ยาผิดวิธีเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงถึงชีวิตได้

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *