ผัวเมียมะเร็งคู่ ดับ 1 ชีวิต แพทย์ชี้ข้อผิดพลาด “ร้ายแรง” เมื่อใช้เตาแก๊ส ช็อกหลายบ้านก็ทำ!

เรื่องราวของคู่สามีภรรยาในไต้หวัน ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดทั้งคู่ โดยแพทย์ระบุว่าสาเหตุคาดว่าเกิดจากการ“ใช้เตาแก๊ส” เป็นเวลานาน

ตามข้อมูลจาก TVBS News พบว่า สามีภรรยาคู่นี้เป็นเจ้าของร้านบุฟเฟ่ต์ และทำงานในครัวร่วมกันเป็นเวลานานถึง 20 ปีกระทั่งประมาณ 2 ปีที่แล้ว ฝ่ายสามีวัย 65 ปี ไปตรวจสุขภาพและพบว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย แม้จะได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็เสียชีวิตหลังจากนั้น

ต่อมา ฝ่ายภรรยาเริ่มมีอาการหายใจลำบาก จึงตัดสินใจไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจ ผลปรากฎว่าเธอเป็นมะเร็งปอด จากการพบเนื้องอกขนาด 0.3 เซนติเมตร เมื่อแพทย์ซักถามพบว่าพวกเขามักจะใช้เตาแก๊สทำอาหารในครัวที่ปิด และไม่ได้ติดตั้งเครื่องดูดควันหรือพัดลมระบายอากาศภายใน

ดร.เฉิน จ้วนหลิน แพทย์จากโรงพยาบาล Mackay Memorial กล่าวว่า การทำอาหารด้วยเตาแก๊สจะปล่อยก๊าซ NO2 และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 ไมครอนออกมาในอากาศ และการทำอาหารในครัวที่ปิด ทำให้ก๊าซและฝุ่นละอองคงอยู่ในอากาศเป็นเวลานาน และมีความเข้มข้นสูง ซึ่งอาจสูงกว่าภายนอกเสียอีก

การสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่มีก๊าซ NO2 และ PM2.5 ระดับสูง เป็นเวลานานๆ ไม่เพียงแต่ทำให้ระบบทางเดินหายใจระคายเคือง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาเช่น โรคหืด, โรคหลอดลมอักเสบ แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดอีกด้วย นอกจากนี้ ฝุ่น PM2.5 ยังสามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาการอักเสบ และสร้างสารอนุมูลอิสระที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดสมอง

การศึกษาหนึ่งที่เผยแพร่ในวารสาร Which? ของอังกฤษ ได้แสดงให้เห็นว่า การทำอาหารด้วยเตาแก๊สทุกวันอาจปล่อยฝุ่นPM2.5 ที่ทำให้เกิดมลพิษในอากาศในบ้าน และผู้ทดลองคนหนึ่งได้สัมผัสกับระดับสูงสุดถึง 650 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในขณะที่ข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลก (WHO) คือไม่ควรเกิน 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

การศึกษายังพบด้วยว่า การใช้เตาแก๊สสามารถปล่อยก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ซึ่งระดับทั้ง PM2.5 และ NO2 จะยังคงสูงต่อเนื่องหลายชั่วโมงหลังการทำอาหาร ทำให้เกิดมลพิษในบ้านอย่างรวดเร็ว ซึ่งสารทั้งสองล้วนก่อให้เกิดอันตรายทั้งในบ้านและกลางแจ้ง ดังนั้น การสัมผัสกับสารเหล่านี้เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น ปัญหาทางเดินหายใจ เช่น หืด ไอ และหายใจลำบาก

ตามข้อมูลที่เผยแพร่ใน The Guardian ฝุ่น PM2.5 เกี่ยวข้องกับการทำให้โรคบางชนิดทวีความรุนแรงขึ้นหรือเกิดขึ้นใหม่เช่น โรคทางเดินหายใจ, มะเร็งปอด, โรคหัวใจ และโรคพาร์กินสัน ขณะที่องค์การวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ (IARC) ได้จัดให้ PM2.5 เป็นสารก่อมะเร็งในกลุ่ม 1 ซึ่งสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอด

ทั้งนี้ ดร.โมนิกา มาเตโอ-การ์เซีย จากมหาวิทยาลัยเมืองเบอร์มิงแฮมในอังกฤษ แนะนำให้ผู้บริโภคใช้พัดลม เครื่องดูดควันหรือเปิดหน้าต่างและประตู เมื่อทำอาหารด้วยเตาแก๊ส เพื่อช่วยขจัดมลพิษในบ้านอย่างรวดเร็วขึ้น