จับแม่สั่งเก็บลูกชายวัย 27 รับสารภาพ สุดทนกับพฤติกรรม เสพยา-ไม่ทำงาน ถูกไถเงินครั้งละ 3,000-10,000 ไม่มีให้ ก็จะทุบตีทำร้าย
โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะที่ผู้ตายขี่ จยย.ไปเถียงนาตอน 20.00 น. จากนั้นก็ไม่เห็นผู้ตายอีก ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 พ.ต.ท.เศกสันต์ ฤาเวทย์ รอง ผกก.สส.สภ.เพ็ญ นำกำลังเข้าจับกุม นางเพ็ญศรี พุดธิรัก อายุ 55 ปี มารดาผู้ตาย ตามหมายศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ 173/2568 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 โดยกล่าวหา “เป็นผู้ใช้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” โดยจับกุมได้ที่บ้าน ควบคุมตัวไปโรงพักทำการสอบสวนโดยนางเพ็ญศรี ให้การรับสารภาพว่า ได้ชวนนายสมภักดิ์ แสงรถ หรือ สม อายุ 61 ปี สามี ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงนายพรชัย ไปขอให้นายสังคม ศรีอร หรือ สัง อายุ 53 ปี เพื่อนรุ่นน้องที่รักใคร่ชอบพอกัน นับถือกันเป็นพี่น้อง ฆ่านายพรชัย ลูกชายตัวเอง เพราะลูกชายไม่ทำงาน เอาแต่เสพยาบ้า และไถเงินตนไปซื้อยาบ้ามาเสพ ครั้งละ 3,000-10,000 บาท ถ้าตนไม่มีให้ ก็จะทุบตีทำร้ายร่างกายตน จนต้องไปหยิบยืมเงินจากญาติพี่น้องมาให้ลูก ซึ่งตนต้องทนอยู่ในสภาพนี้มานานนับปีแล้ว ก่อนจะชวนสามีไปปรับทุกข์กับนายสังคม เพราะลูกทาสยาขู่ว่าจะฆ่าตนกับพ่อเลี้ยง จึงไปขอให้นายสังคมไปยิงลูก ซึ่งนายสังคมสงสารพวกตน จึงอยากจะช่วย และไปยิงลูกชายจนตายจริง ไม่ได้จ้าง แต่เขาสงสารจึงลงมือให้
ต่อมาเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.เศกสันต์ ฤาเวทย์ รอง ผกก.สส.สภ.เพ็ญ พ.ต.ท.ยืนยง คำบอน สว.สส.(สอบสวน) สภ.เพ็ญ นำกำลังตำรวจควบคุมตัว นายสมภักดิ์ พ่อเลี้ยง และนายสังคม มือยิง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เถียงนาทีเกิดเหตุ โดยนายสมภักดิ์ เล่าว่า หลังจากตนและนางเพ็ญศรีไปปรับทุกข์กับนายสังคม จนนายสังคมได้รับปากจะไปยิงนายพรชัยลูกเลี้ยงให้ พวกตนก็ได้วางแผน 2 วัน จึงเริ่มทำตามแผน โดยนายสังคมและตน ขี่รถซาเล้งมารอที่เถียงนา
จากนั้นตนก็โทรตามนายพรชัย บอกว่ารถซาเล้งเสียที่เถียงนา ให้ผู้ตายมาซ่อมรถให้ พอผู้ตายขี่ จยย. มาถึงเถียงนา และจอดรถถามว่ารถเป็นอะไร นายสังคมก็เดินออกไปชักปืนยิงแสกหน้าทันที ตอนนั้นตนนั่งดูเฉยๆ เพราะตนกลัวปืน เมื่อยิงเสร็จตนก็ไปช่วยกันใช้ไปดันศพลงไปริมห้วยหลวง เพราะศพนอนขวางทางรถซาเล้ง นายสังคมก็ขี่ซาเล้งกลับบ้าน ส่วนตนขี่ จยย. ผู้ตายกลับบ้านส่วนนายสังคม ให้การรับสารภาพว่า นางเพ็ญศรี และนายสมภักดิ์ มาปรับทุกข์กับตน ว่านายพรชัยลูกชายไม่ทำงานเสพแต่ยาบ้า และไถเงินแม่ไปซื้อยาบ้า ถ้าไม่ให้ก็จะทุบตีทำร้ายแม่ ต้องทนถูกลูกทำร้ายมานานนับปี ซึ่งตนเห็นกับตาว่า นายพรชัยกระชากผมนางเพ็ญศรีจริง นางเพ็ญศรีบอกตนว่า ถ้ายิงนายพรชัยตาย จะจ่ายเงิน 5 หมื่นบาท ตนจึงรับปากจะยิงนายพรชัยให้ เพราะตนมีอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก ซึ่งตนซื้อจากตำรวจ สภ.บ้านดุง ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว กระบอกละ 5,000 บาท ตั้งแต่ซื้อปืนมาตนก็ไม่เคยยิง จึงไม่มีลูกกระสุนปืน พอรับปากว่าจะช่วยนางเพ็ญศรี ก็ให้นายสมภักดิ์ไปหาซื้อกระสุนปืน ได้กระสุนปืน .38 มาให้ตน 4 นัด และมานั่งรอที่เถียงนาริมห้วยหลวง พอนายพรชัยมาถึง ก็ร้องถามตนว่า “รถเป็นอะไร” ตนไม่ตอบ แต่เดินไปยิงแสกหน้านายพรชัยล้มลง แล้วยิงซ้ำอีก 3 นัด จนเสียชีวิต หลังจากยิงนายพรชัยเสร็จ ก็ขี่รถซาเล้งกลับบ้าน ก็คิดอยู่ตลอดว่าตำรวจจะตามจับได้ถึงแม้ว่าตนจะไม่ช่วยยิงนายพรชัย นางเพ็ญศรีก็จะมารบเร้าให้ช่วยยิงลูกอยู่ร่ำไป ก็เลยตัดสินใจยิงให้ ซึ่งนางเพ็ญศรีบอกว่า ถ้ายิงลูกชายตายจะให้เงิน 5 หมื่นบาท ตั้งแต่ยิงเสร็จจนถูกจับก็ยังไม่ได้เงิน 5 หมื่นเลย ส่วน นางลา อายุ 58 ปี และ นางจ่อย อายุ 61 ปี ชาวบ้านที่มายืนมุงดูการทำแผน เล่าว่า นายสมภักดิ์ เป็นคนดี หลังนางเพ็ญศรีแยกทางกับสามีได้ไม่นาน ก็มาอยู่กินกับนายสมภักดิ์
ซึ่งต่างก็เป็นม่าย มีลูกติดฝ่ายละ 2 คน นายสมภักดิ์ก็เลี้ยงดูลูกของภรรยาตั้งแต่ยังเด็กเป็นอย่างดี ไม่ได้รังเกียจ แต่พอนายพรชัยเป็นวัยรุ่นก็เริ่มติดยา เคยโดนตำรวจจับตอนเป็นวัยรุ่น แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า นายพรชัยทุบตีทำร้ายแม่ เพราะนางเพ็ญศรีไม่เคยเล่าให้ฟัง หลังนายพรชัยถูกยิงตาย แล้วตำรวจจับแม่ พ่อเลี้ยง พวกตนก็คิดว่าทั้งสองคนก็คงจะสุดทน จึงได้จ้างคนมายิงลูกจนตาย คงไม่มีแม่คนไหนอยากฆ่าลูกตัวเอง ส่วนนายสังคมพวกตนไม่รู้จัก ตำรวจจึงควบคุมตัวนายสมภักดิ์ และนายสังคม ไปดำเนินคดี ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป